เมนู

พระบัญญัติ


142. 4. อนึ่ง ภิกษุณีใด ใช้เครื่องประดับสำหรับสตรี
เป็นปาจิตตีย์.

เรื่องภิกษุณีฉัพพัคคีย์ จบ

สิกขาบทวิภังค์


[457] บทว่า อนึ่ง. . .ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด. . .
บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้
ขอ. . . นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
ที่ชื่อว่า เครื่องประดับสำหรับสตรี ได้แก่ เครื่องประดับศีรษะ
เครื่องประดับศอ เครื่องประดับมือ เครื่องประดับเท้า เครื่องประดับสะเอว.
บทว่า ใช้ คือ ใช้แม้ครั้งเดียว ก็ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

อนาปัตติวาร


[459] เหตุอาพาธ 1 วิกลจริต 1 อาทิกัมมิกา 1 ไม่ต้องอาบัติแล.
ฉัตตุปาหนวรรค สิกขาบทที่ 4 จบ

อรรถกถาฉัตตวรรค สิกขาบทที่ 4


วินีจฉัยในสิกขาบทที่ 4 พึงทราบดังนี้;-
บรรดาเครื่องประดับ มีเครื่องประดับศีรษะเป็นต้น ภิกษุณีใช้เครื่อง
ประดับชนิดใด ๆ พึงทราบว่า เป็นอาบัติมากตัว โดยนับวัตถุด้วยอำนาจแห่ง
เครื่องประดับนั้น ๆ. คำที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วในสิกขาบทที่ 3 นั่นแล.
อรรถกถาฉัตตวรรค สิกขาบทที่ 4 จบ

ฉัตตุปาหนวรรค สิกขาบทที่ 5


เรื่องภิกษุณีฉัพพัคคีย์


[460] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระ-
เชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุณี
เหล่าฉัพพัคคีย์ สนานกายด้วยน้ำเครื่องประทินมีกลิ่นหอม คนทั้งหลายพากัน
เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีทั้งหลาย จึงได้สนานกายด้วยน้ำ
เครื่องประทีนมีกลิ่นหอม เหมือนสตรีคฤหัสถ์ผู้บริโภคกามเล่า.
ภิกษุณีทั้งหลายได้ยินคนเหล่านั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่
บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย. . . ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพวก
ภิกษุณีฉัพพัคคีย์จึงได้สนานกายด้วยน้ำเครื่องประทีนที่มีกลิ่นหอมเล่า. . .

ทรงสอบถาม


พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ข่าวว่า พวกภิกษุณีฉัพพัคคีย์อาบน้ำด้วยเครื่องประทีนมีกลิ่นหอม จริงหรือ.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท


พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉนพวก
ภิกษุณีฉัพพัคคีย์จึงได้อาบน้ำด้วยเครื่องประทีนมีกลิ่นหอมเล่า การกระทำของ
พวกนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส. . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลาย จงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง
อย่างนี้ ว่าดังนี้:-